Chapter 5 100%
CHAPTER 5
บ๊อบบี้กำลังยืนมองข้อความในมือถือที่ถูกส่งมาเมื่อหลายชั่วโมงที่แล้วบริเวณหน้าบ้านตนเองด้วยความรู้สึกหลากหลาย บอดิการ์ดที่มาต้อนรับถูกชายหนุ่มไล่กลับไปหมดเพราะกลัวจะเสียงดังวุ่นวายแล้วทำให้ลูกชายที่น่ารักของเขาตื่น
หนุ่มใหญ่เก็บมือถือใส่เสื้อเชิ้ตตนเองก่อนจะถอดสูทชั้นนอกพาดบ่า บ๊อบบี้มองขึ้นไปด้านบนระเบียงห้องหนึ่งที่บัดนี้ไฟปิดสนิทก็ถอนหายใจออกมา ทำไมเขารู้สึกเป็นไอ้แก่ขี้ป๊อดไม่กล้าเข้าบ้านตัวเองขึ้นมานะ น่าตลกเป็นบ้าที่แค่คิดว่าลูกชายตัวขาวกำลังถอดเสื้อผ้านอนก็…
เจสสิก้าดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลยให้ตายสิ!
ชายหนุ่มเข้ามาภายในตัวบ้านก่อนที่เขาจะจัดการเปิดสวิตไฟทั้งหลังเพื่อความสว่างเนื่องจากส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบความมืดเท่าไรนักเพราะเขารู้สึกว่ามันอันตราย การที่เขาอยู่สูงอาจทำให้เป็นเป้าหมายในการโดนเล่นงานจากประสบการณ์ตั้งเเต่วัยเด็ก
บ๊อบบี้เคยถูกจับไปเรียกค่าไถ่ถึงห้าครั้ง และก็ดูเหมือนโชคช่วยเพราะเพื่อนพ่อเป็นตำรวจเขาจึงรอดมาได้ จะให้บอกว่าเป็นฝีมือของตำรวจใหญ่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียวเนื่องจากพ่อของเขามักจะจัดการเงียบๆอยู่หลังฉากมากกว่า
แต่ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะเดินผ่านขึ้นไปยังชั้นบนก็มองเห็นเรียวขาขาวที่โผล่เลยโซฟามาจนถึงบริเวณหน้าแข้ง ไม่ต้องเดาว่าใครก็พอรู้ว่าคือน้องบินลูกชายตัวขาวของเขานั่นเอง บ๊อบบี้ขมวดคิ้วทำหน้าตาครุุ่นคิดเพราะตัดสินใจไม่ถูกว่าควรจะเข้าไปหาดีหรือไม่เนื่องจากข้อความที่ขึ้นบนหน้าจอมันตามหลอกหลอนเขาชวนให้รู้สึกใจเต้นอย่างไงก็ไม่รู้
แต่เเล้วขายาวก็ค่อยๆก้าวเดินเข้าไปด้วยหัวใจที่เต้นเเรง ขอบคุณพนักโซฟาที่บดบังร่างกายเนียนนั้นเอาไว้เพราะถ้าให้เขามองบู้มเดียวโดยไม่ทำใจก่อนมีหวังหงายหลังแน่ เมื่อเข้าไปใกล้พอที่พนักนั้นจะยังปกปิดร่างกายอีกฝ่ายอยู่ชายหนุ่มก็หยุดเดิน
“น้องบินครับ”
เสียงทุ้มเอ่ยเรียกไม่นานคนตัวขาวก็ลุกขึ้นนั่ง เมื่อบินเห็นว่าเป็นใครรอยยิ้มน่ารักก็ปรากฏขึ้นซึ่งคนโตกว่าก็ยิ้มตอบไปเช่นกัน เด็กน้อยหันหลังกลับไปหยิบผ้าขนหนูมาคลุมตัวจนถึงช่วงไหล่แล้วลุกขึ้นยืนจากนั้นก็เดินอ้อมมาหาคนเป็นพ่อ และนั่นทำให้บ๊อบบี้เห็นว่าลูกชายถอดเสื้อผ้านอนจริงๆ ผ้าขนหนูที่คลุมยาวมาจนถึงบริเวณหน้าขาเผยให้เห็นเรียวขาขาวที่กำลังก้าวมาหาเขา
“ไหนแด๊ดบอกว่าจะไม่กลับ”
เสียงหวานเอ่ยทักก่อนเมื่อมายืนตรงหน้าอีกฝ่าย บ๊อบบี้ไม่ได้ตอบคำถามนั้นแต่ว่ามือหนากลับค่อยๆดึงผ้าขนหนูบริเวณช่วงไหล่อีกฝ่ายให้ร่นลงจนเผยไหปลาร้าสวย บินหน้าแดงเมื่อเป็นเช่นนั้นก่อนจะลดสายตาลงเพื่อหลีกเลี่ยงดวงตาดุจเหยี่ยวที่กำลังมองมาซึ่งทำให้เด็กน้อยรู้สึกร้อนไปหมด
“เหนื่อยไหมฮะ คือบินไม่คิดว่าแด๊ดจะกลับเลยแต่งตัวไม่เรียบร้อย เดี๋ยวไปเปลี่ยนก่อนนะฮะ”
“เดี๋ยว”
แขนเล็กถูกรั้งเอาไว้ซึ่งบินก็หันมามองด้วยความแปลกใจ คนตัวสูงออกแรงอีกครั้งเพื่อให้ลูกชายเข้าใกล้ตัวเองก่อนจะใช้มือหนึ่งรั้งเอวบางนั้นให้แนบชิดกับเขามากขึ้น
“เอ่อ บินจะไปใส่เสื้อ..”
“ไม่ต้องหรอก”บินแอบรู้สึกแปลกใจนิดๆกับสรรพนามที่ดูจะเปลี่ยนไปของคนตรงหน้าก่อนที่เด็กน้อยจะย่นคอเมื่อคนเป็นแด๊ดดี้ก้มลงมาแล้วจูบบริเวณหัวไหล่เขาเบาๆ ริมฝีปากร้อนลากผ่านไห้ปลาร้าสวยจากอีกข้างไปยังอีกข้างก่อนจะเลยขึ้นไปลำคอขาวแล้วประทับรอยบางอย่างเอาไว้ เด็กน้อยเบ้หน้าเมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดแต่ว่าก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
ลมหายใจของแด๊ดดี้ถี่ร้อนขึ้นเรื่อยๆเหมือนวันนั้นเลย…
วันที่เราจูบกันครั้งแรก..
บินใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นคล้องคออีกฝ่ายให้มาจูบตนเอง เด็กน้อยร่นผ้าขนหนูที่ปิดบังร่างกายด้วยมืออีกข้างจนมองเห็นยอดอกสีสวยอยู่รำไร
“อือ”
บินเขย่งสุดเท้าพร้อมกับครางในลำคออกมาเมื่อลิ้นหนาที่ตอนแรกปล่อยให้เด็กน้อยได้โชว์ทักษะที่ได้ร่ำเรียนเป็นฝ่ายไล่ต้อนในเวลาต่อมา กายใหญ่ดันลูกชายจนอีกฝ่ายสะโพกติดกับพนักโซฟา บ๊อบบี้ละริมฝีปากออกมาก่อนจะประทับไปที่ยอดอกที่ยั่วยวนนั้น ทันทีที่ลิ้นของคนเป็นพ่อสัมผัสและเลียเบาๆ มือเล็กซึ่งเคยจับผ้าขนหนูอยู่ก็ปล่อยมันจนแทบร่วงแต่ว่าบ๊อบบี้กลับจับเอาไว้ได้ทันก่อนที่บินจะได้เผยหมดทั้งช่วงล่าง
“งื้อ แด๊ดฮะ”
พูดเสียงกระเส่าเมื่อโดนอุ้มให้นั่งบนพนักพิงโซฟา ขาข้างหนึ่งถูกจับให้เกี่ยวเอวสอบไว้ซึ่งมันก็อดที่จะเขินไม่ได้เพราะว่าช่วงล่างที่มีผ้าปิดอยู่นี่ก็ไม่ได้ใส่อะไรเลย และส่วนนั้นของเด็กน้อยก็เปลี่ยนแปลงจนตัวเองยังรู้สึกได้ มือเล็กดึงผ้าขนหนูสีขาวให้ขึ้นสูงอีกครั้งเมื่อแด๊ดดี้กลับมาจูบเขาอย่างดูดดื่ม แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นเพราะบ๊อบบี้กระชากมันลงให้ตกมาอยู่บริเวณเอวเช่นเดิม มือหนาข้างหนึ่งประคองเอวเล็กส่วนอีกข้างก็ฟ้อนเฟ้นผิวเนียนทั้งด้านหน้าและหลัง..
ก้นลูกเขานี่งอนใช่ย่อยเลยให้ตาย
“แด๊ดฮะ บิน..อึดอัดแปลกๆ”คนตัวเล็กนิ่วหน้าก่อนจะหลับตาลงเมื่อริมฝีปากของผู้ชายใจดีกำลังสัมผัสบริเวณหลุมสะดือเขา ฟันคมกัดริมฝีปากล่างของตัวเองเมื่อผู้เป็นพ่อกำลังจูบซับสะดือขาวโดยใช้ลิ้นจนรู้สึกเปียกชื้นไปหมด เอวเล็กถูกมือหนาล๊อกไว้โดยที่คนตัวสูงลงไปนั่งคุกเข่าแล้วไล่จูบขาเรียวจนเกือบจะถึงโคนขา พอเงยหน้าขึ้นมามองลูกชายที่ขาข้างหนึ่งพาดบนบ่าเขาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ก็…
อืม น่าเอาชิบหาย…
“ให้แด๊ดช่วยไหมครับ”
“ช่วย...ช่วยยังไงเหรอฮะ”
“เอางี้ดีกว่า..”พูดจบก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้มลงมาซุกซนกับลำคอขาวอีกครั้งโดยที่มือก็ยังคงประคองเอวเล็กเอาไว้
“ถอดเสื้อให้แด๊ดหนึ่งชิ้น แด๊ดจะบอกหนึ่งอย่าง โอเคไหมครับ”
“ฮะ..ได้ฮะ..”บินเอื้อมมือไปปลดกระดุมให้แด๊ดดี้ตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายยังไม่ทันเอ่ยจบประโยคด้วยซ้ำซึ่งมันเรียกรอยยิ้มมุมปากให้กับหนุ่มใหญ่ได้ในทันที
“หึ”
“ครับ”
(บ๊อบบี้ นี่เจสสิก้าเองนะคะ ถึงบ้านหรือยัง)
“มีอะไรหรือเปล่าครับ คือว่าผมมีธุระด่วนน่ะ”พูดจบก็คว้าข้อมือเล็กของเด็กตัวขาวที่กำลังจะเดินจากไปพร้อมกับส่งสายตาเชิงออกคำสั่งห้ามไม่ให้ขยับ
(อ่อ คือบ๊อบบี้ลืมนาฬิกาเอาไว้ที่ห้องเจสน่ะค่ะ)
“อ่อ เหรอครับ”
บินที่ก้มหน้าก้มตาพยายามบิดข้อมือเล็กของตัวเองออกจากการพันธนาการของบ๊อบบี้และสุดท้ายเด็กน้อยก็เป็นอิสระ บินจับผ้าขนหนูเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างก่อนจะเดินกึ่งวิ่งขึ้นชั้นสองเพื่อไปยังห้องของตัวเอง ทิ้งให้เหลือแต่คนเป็นแด๊ดดี้ที่มองตาม ยกมือขึ้นเสยผมแล้วถอนหายใจออกมา เสียงว่าที่คู่หมั้นของเขาไม่ค่อยเข้าหูเท่าไรนักเพราะใบหน้าแดงก่ำของลูกชายมันติดตาและทำลายสมาธิเขาเหลือเกิน
บ๊อบบี้พิงสะโพกกับพนักโซฟาพร้อมกับความคิดในหัวมากมายแต่ที่สำคัญคือเด็กคนนั้นจะรู้สึกไง บางทีอีกฝ่ายอาจจะมองเขาเป็นไอ้เฒ่าหัวงูที่อยากจะหลอกฟังเด็กซึ่งมันก็จริง
ครั้งนี้บ๊อบบี้ทำเกินไป
“แค่นี้ก่อนนะครับเจส แล้วพรุ่งนี้ผมจะไปเอานาฬิกานะ”
ชายหนุ่มตัดสายทิ้งทันทีโดยไม่ฟังคำพูดบอกฝันดีจากหญิงสาวด้วยซ้ำ สองมือถูกเอามาปิดใบหน้าอย่างเครียดพร้อมกับเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
จะตกใจจนเตลิดไปเลยหรือเปล่านะ..
#
ปึง
เสียงปิดประตูที่ดังขึ้นเป็นเสียงสุดท้ายก่อนจะเหลือทิ้งไว้เพียงความมืดและความเงียบรอบตัว บินยืนพิงแผ่นหลังกับประตูห้องนอนพร้อมกับหอบหายใจถี่ มือขาวถูกยกมาสัมผัสที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองที่เต้นรัวเร็วจนแอบคิดว่ามันอาจจะเกินมาตรฐานการหายใจของคนปกติด้วยซ้ำ
มันเกิดความผิดปกติของร่างกายอย่างไรกัน ระหว่างเขาเป็นโรคหรือตื่นเต้นเพราะเพิ่งนัวเนียกับแด๊ด..
เด็กน้อยปล่อยมือจากผ้าขนหนูร่วงลงสู่พื้นจนเผยร่างกายเปลือยเปล่าตามด้วยการทิ้งตัวนั่งลงชันเข่ากับพื้น สองมือยกขึ้นมาจับแก้มตัวเองที่ยังคงร้อนไม่หาย ทำไมสัมผัสที่เกิดขึ้นทุกตารางนิ้วบนร่างกายยังคงแผดเผาเขาในทุกส่วนโดยเฉพาะตรงนั้น…
มันเกิดขึ้นเพราะแด๊ดดี้บินรู้ดี
“อึก..”
เด็กน้อยกัดริมฝีปากพร้อมกับหลับตาลงเมื่อมือของตนเองสัมผัสบริเวณกลางกายแล้วรูดขึ้นลงตามสัญชาตญาณ คิ้วสวยขมวดขมวดมุ่นด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เขาก็เพิ่งเคยสัมผัสกับมันในครั้งแรก
“อ๊ะ..”
เสียงหวานหลุดออกมาจากริมฝีปากอิ่ม ลมหายใจร้อนที่ถี่ขึ้นอีกครั้งมันยิ่งเพิ่มความรู้สึกที่เกิดมากยิ่งขึ้นไปอีก
“แด๊ดฮะ”
เอ่ยเสียงแผ่วเบาพร้อมกับในหัวที่คิดถึงเหตุการณ์ซึ่งผ่านมาเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
บินโดนแด๊ดจูบ
บินโดนแด๊ดลูบที่หน้าอก..
มือเล็กเลื่อนผ่านผิวกายตามจินตนาการและอารมณ์ของตัวเอง
ซึ่งคืนนั้นเด็กน้อยรู้จักคำว่าช่วยตัวเองเป็นครั้งแรก และมันทำให้บินรู้สึกดี
#
ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกพร้อมกับใบหน้าเล็กที่โผล่พ้นมา ดวงตากลมกวาดตามองทั่วบริเวณเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าทั้งบ้านเหลือเขาเพียงคนเดียวเหมือนในทุกเช้า เพราะว่าแด๊ดดี้ของเขามักไปทำงานเร็วเสมอ
บินระบายยิ้มออกมาเพราะว่าวันนี้เด็กน้อยเองก็ยังไม่พร้อมเจอแด๊ดดี้คนใจดีที่เมื่อคืนจับเขาฟัดที่โซฟาจนเป็นรอยไปหมด สองมือกอดกระเป๋าไว้แนบอกก่อนจะเดินลงบันไดเพื่อไปหาคุณลุงคนขับรถที่จอดรับเขาไปส่งโรงเรียนในทุกเช้า
บินมักจะไม่ทานขาวจากที่บ้านจนเคยโดนคุณป้าแม่บ้านดุอย่างไม่จริงจังเนื่องจากเป็นห่วงกลัวเด็กน้อยจะเป็นโรคกระเพาะตั้งแต่ยังเด็ก พอโดนตำหนิทุกครั้งบินจะเข้าไปกอดเอวหญิงสูงอายุเเล้วพูดอ้อนสัญญาว่าจะไปทานกับเพื่อนที่โรงเรียนและนั่นแหละ คนแก่ก็ได้แต่ใจอ่อนลูบหัวทุยๆนั้นไปหนึ่งทีแล้วก็ตามใจในที่สุด
เด็กน้อยวิ่งไปเปิดประตูรถพร้อมกับนั่งข้างหลังที่ประจำ ยกสองมือประกบกันแล้วก้มไหว้ลุงคนขับเหมือนทุกเช้าที่ทำโดยไม่ได้สังเกตบางสิ่งที่แปลกไปด้วยซ้ำ
“สวัสดีฮะคุณลุง...แด๊ดดี้”
“ตกลงจะให้เป็นแด๊ดดี้หรือคุณลุงครับ”เสียงทุ้มที่เอ่ยถามทำให้คนตัวเล็กเงยใบหน้าขึ้นมามองก่อนที่จะอึ้งไปเมื่อคุณลุงคนขับรถที่ปกติเครื่องหน้าเริ่มมีรอยเหี่ยวย่นเปลี่ยนเป็นใบหน้าหล่อเหลาและมีสเน่ห์ราวกับนายแบบ
“เอ่อ คือ..”
“ทำไมทำหน้าเหมือนเห็นผีเลย”
คนแก่กว่าพูดเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะหันกลับไปแล้วออกรถ บินวางกระเป๋าไว้ข้างตัวแล้ววางสองมือไว้บนเข่าทั้งสองข้าง ดวงตากลมจดจ้องไปยังผู้ชายใส่แว่นกันแดดที่ดูเหมือนจะตั้งใจขับรถจนเด็กน้อยไม่กล้าชวนคุย
“แด๊ดไม่ไปทำงานเหรอฮะ”
“ครับ อยากไปส่งลูกชายน่ะ”คนฟังเม้มปากพยักหน้ารับรู้พร้อมกับเหลือบมองอีกคนผ่านกระจกหลัง โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าดวงตาคมที่สวมแว่นดำปกปิดอยู่ก็มองมายังเขาเป็นระยะเช่นกัน
แล้วตลอดเวลากว่าสามสิบนาทีที่รอบตัวมีแต่ความเงียบทำให้คนตัวเล็กอึดอัดจนได้แต่นั่งก้มหน้ามองเข่าตัวเอง กระทั่งรถยนต์จอดสนิทหน้าโรงเรียนก็รีบคว้ากระเป๋าข้างตัวมาแนบอกแล้วทำท่าจะลงจากรถไป
“ไม่มีอะไรอยากพูดกับแด๊ดเหรอ”
“เอ่อ สวัสดีครับแด๊ด”
“แค่นี้เหรอ”
“..ครับ”
“แต่แด๊ดมีเรื่องจะพูดกับเรา”
“…”
“มานั่งหน้าครับ”บินเงยหน้าสบตากับอีกฝ่ายด้วยสีหน้ากังวลแต่ว่าเด็กน้อยก็ไม่สามารถขัดคำสั่งของคนมีพระคุณของตัวเองได้จึงลงจากรถแล้วเดินมานั่งด้านหน้าเงียบๆ
“เรื่องเมื่อคืน”
“…”บินเม้มริมฝีปากทันทีเมื่อแด๊ดดี้ของเขาเปิดประเด็นอย่างไม่รอให้เขาทำใจ มันยากนะกับการที่ต้องฟังสิ่งน่าอายกับเรื่องที่มันไม่ควรเกิดกับลูกบุญธรรมและพ่อเลี้ยง
บินไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าเมื่อคือนั้นถ้าไม่มีสายโทรเข้าช่วยชีวิตแด๊ดดี้กับบินคงจะ….มีอะไรกันไปแล้ว
“แด๊ดดี้เมาใช่ไหมฮะ คือบินเองไม่เป็นอะไรหรอกความจริงบินเป็นคนความจำสั้นมากเลยนะฮะ โดนใครด่าวันเดียวก็ลืมหมดแล้ว”พูดรัวติดตลกพร้อมกับส่งยิ้มให้อีกฝ่ายที่ขมวดคิ้วขณะฟังเด็กน้อยที่พ่นคำโกหกอย่างไม่กลัวว่าเขาจะจับได้
“จริงเหรอครับ”
“ครับ?”
“ถ้าทั้งคืนที่ผ่านมาคิดว่าแด๊ดเมาก็เปลี่ยนความคิดซะใหม่นะ”
คนเป็นพ่อเอื้อมมือมาจับมือเล็กเอาไว้ทั้งที่ดวงตาคมยังมองตรงราวกับว่าการมองคนภายนอกรถที่เดินไปมามันง่ายกว่าการสบตากับเด็กตรงหน้าเป็นร้อยเท่า
“ไม่ได้เมานะครับ แด๊ดตั้งใจ”
“!”
“แล้วก็ต้องได้สักวันด้วย”
talk
เอ้า อ่านเสร็จก็ไปสวดมนต์เด้อ
#แด๊ดดี้ของน้องบิน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น