OS-[DoubleB] Untitled
‘ ผมถูกสาป...ถ้าพี่แตะตัวผม ผมจะหายไป’
OS-[DoubleB] Untitled
เฮียสอง271
@kamonwan271
ดัดแปลงจาก Hotarubi no mori e
-------------------------------------------
“อื้ออออออ”
สองเเขนยาวชูขึ้นเหนือศีษะพร้อมกับเอี้ยวตัวบิดไปมาอย่างเกียจคร้าน คิม จีวอน
เด็กหนุ่มมัธยมปลายปีสุดท้ายยิ้มกว้างออกมานิดหน่อยหลังจากที่เขาออกมาจากห้องสอบปลายภาค
เเละเเน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้เขาลืมอาการปวดหัวตอนมองเห็นข้อสอบเมื่อชัั่วโมงที่เเล้วอย่างปลิดทิ้งก็คือตั้งเเต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปจะปิดเทอมแล้ว
“แหม ยิ้มสดชื่นเชียวนะมึง”ยุนฮยองเพื่อนสนิทของเด็กหนุ่มเอ่ยทักพร้อมกับผลักศีรษะจีวอนอย่างเเรงจนเพื่อนถลาไปข้างหน้า
เด็กหนุ่มไม่ได้พูดอะไรทำเพียงหันมายักคิ้วให้พร้อมกับชูมือขึ้นมาจากนั้นก็ลดไปทีละนิ้วยามที่พูดถึงสิ่งที่ตนเองกำลังจะทำในการปิดเทอมภาคฤดูร้อนนี้
“หนึ่ง ไปบ้านยายนอกเมือง สองปั่นจักรยานตากลมตอนเย็นแดดใกล้ออก สามกินส้มที่ไร่ยายจนกว่าแม่จะเดินมาด่าต้นตระกูล เห็นความสุขกูไหมล่ะมึง”
“เออๆๆ กลับบ้านได้ละ เจอกันเปิดเทอมมึง”ยุนฮยองพูดจบก็เดินกระแทกไหล่จีวอนจนเซ
คนโดนกระทำได้เเต่ยกนิ้วกลางให้เพื่อนสนิทตามหลัง
“จีวอน!”เสียงผู้หญิงที่เรียกทำให้ชายหนุ่มหันไปมองหน้าโรงเรียน
ก็เห็นเเม่ตัวเองกำลังส่งยิ้มโบกมือให้ภายในรถหกล้อที่เต้มไปด้วยข้าวของซึ่งกำลังจะถูกขนย้ายไปอยู่บ้านคุณยายตลอดสามเดือนนี้
“เรียนเป็นยังไงบ้างเรา”
“ก็ดีฮะ หนุกดี คิดถึงยายมากกกกก”จีวอนพูดทั้งที่ยังเคี้ยวส้มอยู่เต็มปากไม่วายโผเข้ากอดคุณยายของตัวเองที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างน่าเอ็นดู ซึ่งถ้ายุนฮยองเห็นมีหวังต้องล้อเขาไปจนตายจากเเน่ว่าสุดท้ายจีวอนนักบาสคนคูลของโรงเรียนกลายเป็นหลานตัวใหญ่เเต่ขี้อ้อนเช่นนี้
“เจ้าเด็กนี่มันพูดจาดี เอาตะกร้าส้มที่วางไว้หน้าทีวีไปให้ป้าจีซูเลยไป”
คนถูกสั่งย่นคิ้วเเล้วส่ายหน้าไปมามองเเม่ตนเองที่ปิดปากหัวเราะอย่างสะใจที่ลูกชายโดนใช้ จีวอนจึงจัดการโถมตัวเข้าใส่แม่ตนเอง ฟัดแก้มซ้ายขวาจนโดนทุบอย่างเเรงเเต่ว่าเจ้าตัวกลับไม่รู้สึกเจ็บ
หัวเราะคิกคักก่อนจะรีบลุกขึ้นไปหยิบตะกร้าส้มที่วางเอาไว้เเล้ววิ่งออกจากบ้านด้วยความว่องไว
ถึงเเม้ว่าจีวอนจะมาอยู่ที่นี่เเค่ช่วงปิดเทอมปีละสองครั้ง เเต่ว่าเขาก็รู้จักเพื่อนบ้านคนสนิทของคุณยายพอสมควรด้วยความที่เด็กหนุ่มเป็นคนช่างพูดช่างจาจนเเม่เคยดุว่า
ถึงเเม้ว่าจีวอนจะมาอยู่ที่นี่เเค่ช่วงปิดเทอมปีละสองครั้ง เเต่ว่าเขาก็รู้จักเพื่อนบ้านคนสนิทของคุณยายพอสมควรด้วยความที่เด็กหนุ่มเป็นคนช่างพูดช่างจาจนเเม่เคยดุว่า
‘ถ้ามีคนทั้งโลกมาอยู่ตรงหน้าจะให้เขาต่อแถวเรียงเข้ามาแล้วทักเลยไหม?’
เด็กหนุ่มสวมรองเท้าผ้าใบของตนเองก่อนจะต้องขมวดคิ้วเมื่อหางตาเหมือนจะเห็นใครบางคนแอบมองเขาอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ซึ่งพอหันไปจ้องเต็มตาทุกอย่างกลับมีเเต่เพียงความว่างเปล่า..
ส่ายหัวไปมานิดหน่อยเมื่อคิดว่าตัวเองน่าจะเหนื่อยล้าจากการเดินทางจนตาฝาด ชายหนุ่มล้วงมือถือจากระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูก็ต้องถอนหายใจเมื่อพบว่าสัญญาณที่นี่มันห่วยจนร่างสูงอยากสบถออกมา
อากาศตอนหกโมงเย็นในฤดูฝนเช่นนี้มันทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อย เเต่เเล้วเมื่อเดินผ่านบริเวณป่าของหมู่บ้านท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นครึ้มฝน ลมที่เเรงมากขึ้นทำให้หมวกแก๊ปที่สวมอยู่แทบปลิวจนจีวอนต้องเอามือมาจับไว้ ร่างสูงตัดสินใจออกมาวิ่งเพื่อให้ไปถึงบ้านป้าจีซูก่อนฝนตก อย่างน้อยถ้าติดฝนโดยที่อาศัยอยู่ในบ้านน่าจะดีกว่ายืนตัวเปียกกลางป่าเป็นไหนๆ
เเต่ในขณะที่เขากำลังวิ่งอยู่ก็มีใครบางคนมายืนขวางเขาเอาไว้ทำให้จีวอนต้องเบรคกระทันหัน
เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมานิดหน่อยเมื่อไม่ได้เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น เขาก้มมองสำรวจคนตัวเล็กกว่าที่กำลังยืนตัวสั่นมองเขาตรงหน้า
“เอ่อ...เป็นอะไรไหมครับ”
ใบหน้าขาวส่ายไปมา เเต่สิ่งที่มันทำให้จีวอนต้องขมวดคิ้วเพราะว่าเด็กหนุ่มตัวบางตรงหน้ากำลังมองเขาน้ำตาคลอ
“พี่...จำผมได้ไหมครับ”
คนถูกถามขมวดคิ้วเเล้วเอียงคอมองอย่างประเมิน สมองพยายามค้นหาความทรงจำเกี่ยวกับอีกฝ่ายเเต่ว่าเขาก็นึกไม่ออกเลย
“พี่คิมบับ”
ซ่า…
แต่เเล้วฝนห่าใหญ่ก็เทลงมา จีวอนยกตะกร้าส้มขึ้นมาบังศีรษะตัวเองพร้อมกับสบถคำหยาบ จะคว้าข้อมือเล็กของคนที่เอาเเต่ยืนนิ่งเเต่ว่าอีกฝ่ายกลับเบี่ยงหลบจนจีวอนขมวดคิ้ว
“พี่ครับตามผมมา”
จีวอนไม่มีทางเลือกจึงวิ่งตามอีกฝ่ายไป คนตัวเล็กพาเขามายังศาลาปูนเล็กที่ดูเหมือนว่าเพิ่งสร้างได้ไม่นาน น่าจะเอาไว้หลบเเดดหลบฝนกลางป่าเช่นนี้เเละมันทำให้เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกว่าสุดท้ายเเล้วก็ไม่ได้เปียกทั้งตัวอย่างที่คิด
ร่างสูงที่ยืนหอบหันไปมองคนตัวเล็กกว่าที่ยังคงเอาเเต่จ้องมาจนน่าอึดอัด ความช่างพูดที่เขาเคยมีบัดนี้มันกลับหายไปหมด เด็กหนุ่มนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าควรจะหาเรื่องคุยเพื่อให้รอบกายมันไม่ดูน่าเบื่อมากขึ้นโดยการวกกลับไปบทสนทนาเดิมหรือว่าจะเงียบต่อไปเช่นนี้ดี
ร่างสูงที่ยืนหอบหันไปมองคนตัวเล็กกว่าที่ยังคงเอาเเต่จ้องมาจนน่าอึดอัด ความช่างพูดที่เขาเคยมีบัดนี้มันกลับหายไปหมด เด็กหนุ่มนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าควรจะหาเรื่องคุยเพื่อให้รอบกายมันไม่ดูน่าเบื่อมากขึ้นโดยการวกกลับไปบทสนทนาเดิมหรือว่าจะเงียบต่อไปเช่นนี้ดี
“ก่อนที่ฝนจะตกน้องเรียกพี่ว่าอะไรนะ”ในที่สุดก็เอ่ยถามออกไปเมื่อฝนไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตกเลยเเม้เเต่น้อย
“ผมน้องฮันบิน..กับพี่คิมบับไง”นิ้วเรียวถูกชี้ขึ้นมายังเขา จีวอนนึกอยู่สักพักจนในที่สุดก็ร้องอ๋อออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าคนตัวเล็กกว่าตรงหน้าเป็นใคร
“อ๋อ! หลานป้าจีซูนี่ เฮ้ย พี่จำได้เเล้ว เราสองคนเคยเล่นด้วยกับเมื่อห้าปีที่เเล้ว”คนตัวเล็กเม้มปากเเน่นพร้อมกับพยักหน้าขึ้นลง
“ช่วยผมด้วยนะครับ”
เเต่เเล้วคำขอร้องจากอีกฝ่ายก็ดังขึ้นท่ามกลางเสียงฝนห่าใหญ่ที่ยังคงตกมาอย่างต่อเนื่อง
จีวอนเอียงคอมองใบหน้าขาวอย่างไม่เข้าใจนัก สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะยิ้มบางให้อีกฝ่ายแล้วพยักหน้าให้เป็นเชิงตกลง ฮันบินก้มหัวนิดหน่อยก่อนจะเงยหน้ามองร่างสูงอีกครั้ง
“อาทิตย์ก่อนผมหลงทางอยู่ในป่าเพราะว่าฝนตกหนัก ด้วยความที่ผมเป็นไข้อยู่เเล้วทำให้หมดสติไป”
จีวอนพยายามตั้งใจฟังเพราะว่าเสียงฮันบินนั้นช่างเบาเหลือเกินหากเทียบกับเสียงฝนห่าใหญ่ที่ยังคงตกลงมา ร่างสูงวางตะกร้าผลไม้ที่คุณยายฝากมาลงกับม้าหินด้านหลังเเล้วทิ้งตัวนั่งลง ไม่ลืมที่จะตบปุๆ ที่ข้างตัวเพื่อบอกให้คนตัวผอมที่ยืนอยู่นั่งลงข้างเขา
ฮันบินเม้มปากก่อนที่จะเลือกนั่งลงบนม้าหินอีกตัวซึ่งอยู่ข้างกันซึ่งจีวอนก็ขมวดคิ้วนิดหน่อยเมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น แอบคิดในใจว่าเด็กคนนี้รังเกียจอะไรเขาหรือเปล่า
ฮันบินเม้มปากก่อนที่จะเลือกนั่งลงบนม้าหินอีกตัวซึ่งอยู่ข้างกันซึ่งจีวอนก็ขมวดคิ้วนิดหน่อยเมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น แอบคิดในใจว่าเด็กคนนี้รังเกียจอะไรเขาหรือเปล่า
“รู้ตัวอีกทีผมก็นอนอยู่ที่บ้าน”
“พี่ว่านั่นก็เป็นเรื่องโชคดีไม่ใช่เหรอที่มีคนช่วยน้องแล้วพาไปส่งบ้าน”ฮันบินส่ายหน้าไปมา
ดวงตากลมทั้งสองข้างกระพริบถี่ๆเพื่อหวังจะไล่หยาดน้ำตาที่เอ่อคลอ
“ผมได้ยินเสียงยายร้องไห้ที่ห้องจึงรีบลุกขึ้นเเล้ววิ่งไป ประตูที่เปิดอยู่ทำให้ผมเห็นผู้ใหญ่มากมายซึ่งมารวมตัวกันเเล้วร้องไห้ ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งเดินเข้าไปใกล้เพื่อหาสาเหตุ เเต่ผมก็ต้องยืนช๊อคอยู่ที่หน้าประตูเพราะว่าคนที่นอนอยู่ท่ามกลางญาติผู้ใหญ่ก็คือผมเอง”
“เฮ้ย...คิดเรื่องเก่งนะเราน่ะ”
สิ้นเสียงของจีวอนฮันบินก็เงยหน้าขึ้นมามองคนโตกว่าน้ำตานองหน้า จีวอนซึ่งยิ้มขำก่อนนี้หน้าเสียนิดหน่อยเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของคนที่ยกมือขึ้นมาปาดน้ำตา
“ข้างตัวผมมีจดหมาย มันเขียนว่าถ้าผมทำให้คนที่หลงรักมาบอกรักผมได้ภายในหกสิบวัน ผมจะฟื้นขึ้นครับ แต่ถ้าระหว่างนี้ผมสัมผัสกับใคร ผมจะหายไปภายในสองชั่วโมง”
“พี่ว่ามันไร้สาระ”
พูดจบเขาก็คว้าตะกร้าเเล้วเดินออกไปจากศาลา ฮันบินเห็นเช่นนั้นก็เบิกตาอย่างตกใจ เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนเเล้ววิ่งตามจีวอนซึ่งเดินตากฝนออกไป
“พี่ครับ!”
“เลิกพูดเรื่องตลกแล้วกลับบ้านไปซะ!”
ร่างสูงหันมามองคนตัวเล็กที่ยืนนิ่งไป ดวงตาเรียวของเขาฉายเเววโกรธเกรี้ยวออกมาท่ามกลางสายฝนที่เริ่มจะซาลงจนฮันบินรู้สึกหวาดกลัว เเต่ว่าถ้าจะให้เขาปล่อยจีวอนไปตอนนี้มันก็ไม่ได้
จีวอนเป็นคนเดียวที่จะช่วยเขาได้...
จีวอนเป็นคนเดียวที่จะช่วยเขาได้...
“เอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นมันตลกเหรอ เเล้วถ้ามันเป็นจริงพี่ก็ช่วยเราไม่ได้หรอก เรารักพี่งั้นเหรอ!”พูดจบก็หันหลังเตรียมกลับบ้าน เขาไม่รู้ว่าเด็กตรงหน้าต้องการจะเล่นสนุกอะไรเเต่บอกเลยว่าจีวอนไม่ตลกด้วย
“ผมรักพี่!”
“....”
เสียงของฮันบินที่ดังเเข่งท่ามกลางฝนมันทำให้จีวอนชะงักเท้า เขาหันกลับมามองก็ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนี้เเล้ว รอบตัวมีเเต่ความว่างเปล่าจนน่าใจหาย
“ฮันบิน...ฮันบิน!!”
“จีวอน! ทำไมเปียกแบบนั้นล่ะลูก!”ร่างของหญิงสูงวัยอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อเขาเปิดประตูบ้านออกมาเเล้วพบจีวอนที่ยืนหนาวตัวสั่นหน้าบ้าน เด็กหนุ่มยิ้มกว้างให้เพื่อนสนิทของคุณยายพร้อมกับชูตะกร้าในมือให้ดู
“เปียกหมดแล้ว เข้ามาดื่มชาร้อนๆก่อน ฝนยังตกแรงอยู่ ยายไม่ให้กลับไปตอนนี้หรอก”จีวอนก้มหัวให้เป็นเชิบของคุณ โชคดีที่คุณยายจัดการเอาเสื้อผ้าของใครบางคนมาให้เปลี่ยนเพราะกลัวว่าเด็กหนุ่มจะเป็นหวัด เดาไม่ยากว่าเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงนอนเช่นนี้เป็นของใคร ดวงตาเรียวมองไปรอบๆเพื่อจะหาร่างเล็กก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเมื่อเจ้าของบ้านถือถาดใส่ถ้วยชาร้อนๆมาวางตรงหน้า
“เพิ่งกลับมาเหรอ”
“ครับ สอบเสร็จแล้วก็รีบมาเลย คุณยายสบายดีนะครับ”คนถูกถามระบายยิ้มออกมานิดหน่อยไม่ได้ตอบคำถามของเด็กหนุ่ม สีหน้าบ่งบอกว่ามีเรื่องไม่สบายใจเเต่เขาก็ไม่คิดจะซักต่อ
“แล้วน้องฮันบินกลับมาหรือยังครับ”คนถูกถามขมวดคิ้วเเล้วมองยังเด็กหนุ่มที่มองนิ่งๆเพื่อรอคำตอบ
“กลับมา?”
“เมื่อกี้ผมเจอน้องที่กลางป่า เเต่ว่าอยู่ดีๆก็หายไป เลยกังวลน่ะครับว่าเขาจะกลับถึงบ้านหรือยัง”
คนฟังยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดปากด้วยความตกใจเช่นเดียวกับจีวอนที่ตกใจกับท่าทางของอีกฝ่ายเช่นกัน
“จีวอนเจอน้อง..”
“คุณยาย”เด็กหนุ่มวางถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างร้อนรน เขาเข้าไปนั่งใกล้หญิงชราเเล้วโอบกอดอีกฝ่ายเอาไว้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงทำให้คุณยายจีซูร้องไห้ออกมา เเต่ว่าความหวาดกลัวในใจเขาก็เกิดขึ้นมามากพอดูในเวลานี้
“น้องฮันบิน...ฮึก น้องฮันบินของยาย”
เเล้วสิ่งที่จีวอนหวาดกลัวอยู่ทุกอย่างมันคือเรื่องจริงเมื่อในเวลานี้เขากำลังนั่งมองใบหน้าซีดเซียวซึ่งนอนนิ่งบนฟูกอยู่ตรงหน้า ดวงตากลมที่เคยทอดมองเขาบัดนี้ปิดสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอเหมือนกับคนที่กำลังเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยความอ่อนเพลียเท่านั้น
ทุกอย่างที่ฮันบินพูดก่อนหน้านี้เป็นเรื่องจริงเมื่อยายของอีกฝ่ายเอ่ยปากเล่าตั้งเเต่ต้นจนถึงจบอีกครั้ง มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อสำหรับเขาเเละก็ต้องยอมรับว่าตกใจไม่น้อย
“ดึกเเล้ว คุณยายไปนอนเถอะครับวันนี้ผมจะนอนกับน้องเอง”
เด็กหนุ่มพูดออกไปเช่นนั้นก่อนจะระบายรอยยิ้มให้ ซึ่งหญิงชราก็พยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นเเล้วค่อยๆเดินออกไปเหลือไว้เเค่จีวอนที่ถอนหายใจออกมา
มือหนาเอื้อมไปลูบแก้มนิ่มที่เย็นเฉียบนั้นเบาๆ ในหัวนึกถึงเเต่ประโยคขอร้องของอีกฝ่าย เขาเดินไปปิดไฟก่อนจะหันกลับมา เเต่เเล้วสิ่งที่มายืนขวางเขาเอาไว้ก็ทำให้เด็กหนุ่มตกใจจนนั่งลงไปที่พื้น
“ฮ..ฮันบิน”
“พี่เชื่อผมเเล้วใช่มั้ยครับ”ดวงตากลมกระพริบปริบท่ามกลางความมืด จีวอนพรูลมหายใจยาวออกมา ลุกขึ้นยืนไปล๊อคประตููก่อนจะกลับมายืนประจันหน้ากับอีกฝ่าย มันน่าตลกนิดๆที่เขากำลังคุยกับคนตรงหน้าซึ่งคือผีหรืออะไรสักอย่างเพราะว่าร่างกายจริงๆยังคงนอนหายใจแผ่วอยู่ที่เดิม
“พี่อยากช่วยนายนะเเต่...เราเป็นผู้ชายทั้งคู่”
ร่างสูงพูดเช่นนั้นก่อนจะเดินเลี่ยงไปทิ้งตัวนอนข้างร่างเย็นเฉียบ ไม่ลืมที่จะดึงผ้าห่มของฮันบินให้สูงขึ้นมาระดับคอเนื่องจากกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนาว คนที่ยืนมองอยู่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นชายหนุ่มเอาใจใส่เขาเช่นนั้น ฮันบินเดินอ้อมมาก่อนจะทิ้งตัวนอนตะแคงหน้าเขาหาจีวอน เด็กหนุ่มยิ้มน่ารักให้คนเป็นพี่ที่มองอยู่นิ่งๆ
“หนาวไหม?”
“ถ้าหนาวพี่จะกอดผมไหมครับ”
“ไม่...ฉันยังไม่อยากให้นายหายไปสักหน่อย”เสียงทุ้มเอ่ยตอบกลับมา ซึ่งเมื่อฮันบินได้ยินก็พยักหน้าให้
“ฝนยังตกอยู่เลยนะครับ”คนเด็กกว่าชวนคุย ดวงตากลมยังคงจดจ้องที่ใบหน้าจีวอนจนชายหนุ่มเริ่มรู้สึกแปลกๆ
คำบอกรักเมื่อตอนกลางวันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเขา...
“...ทำไมถึงชอบพี่ล่ะ”
“....”
“ความลับเหรอ?”คนถูกถามส่ายหน้าไปมา เด็กน้อยนอนหงายเพื่อหลบความรู้สึกเขินซึ่งกำลังเกิดขึ้นเพียงเพราะถูกจีวอนถามเช่นนั้น
“ผมรักที่พี่เป็นพี่ครับ รักน้ำเสียง รักรอยยิ้ม รักความใจดี อ่า...มันน่าอายนิดหน่อยนะครับที่ผมพูดแบบนี้ เเต่ว่าผมควรจะบอกทุกอย่างกับพี่ได้แล้วก่อนที่ผมจะหายไป ”
คนเป็นน้องหันกลับมาก็พบว่าดวงตาที่จ้องมองเขาบัดนี้กลับปิดสนิท ฮันบินระบายยิ้มตามด้วยการขยับใบหน้าเขาไปใกล้จนกระทั่งริมฝีปากของทั้งคู่ใกล้สัมผัสกัน เเต่เเล้วเด็กหนุ่มก็หยุดทุกอย่างไว้เพียงเท่านั้น ลมหายใจอุ่นๆของจีวอนเขาสัมผัสมันได้ เเละมันทำให้ฮันบินรู้สึกดีจนพูดไม่ออก
เท่านี้ก็เพียงพอเเล้ว…
เเค่จีวอนรู้ความรู้สึกเขา...
ถ้าต้องหายไปเขาก็ไม่เสียใจอีกแล้ว...
หนึ่งเดือนผ่านไปที่ทุกวันจีวอนต้องมาบ้านคุณยายจีซูด้วยเหตุผลที่บอกกับผู้เป็นเเม้ว่าจะมาหาฮันบิน ถึงเเม้สงสัยว่าลูกชายจะไปหาน้องทำไมเพราะว่าอีกฝ่ายก็ไม่สามารถพูดคุยอะไรด้วยได้ เเต่ว่าก็ได้เเต่ก็ต้องปล่อยไปเพราะรู้ดีว่าห้ามให้ตายจีวอนก็ยังยืนกรานอยู่ดี
ทว่าดูเหมือนวันนี้เด็กหนุ่มจะไวไปนิดเพราะว่าเขามาตอนคุณยายกำลังจะทำความสะอาดร่างกายหลายชายน่ะสิ
“พี่จีวอน หลับตาเลยนะ!”เสียงอันคุ้นเคยพร้อมกับภาพเด็กตัวบางยืนปิดหน้าด้วยความอายตรงมุมห้องเมื่อจีวอนยืนมองคุณยายที่ถอดเสื้อผ้าหลานชายเเล้วบรรจงเช็ดตัวคนที่นอนนิ่งอยู่
“จีวอน มาพอดีเลยลูก ยายกำลังเช็ดตัวน้อง”
“พี่ครับ ผมอายอ่ะ หลับตาเถอะนะ!”
“อะ...เอ่อ ครับ ให้ผม...ช่วยอะไรไหม”
เด็กหนุ่มเลี่ยงทำเป็นไม่สนใจเสียงประท้วงเขินหงุงหงิงมุมห้องเเล้วนั่งลงข้างหญิงชรา
ช่วยจับช่วงบนของน้องให้ลุกนั่งเพื่อความสะดวกมากขึ้น
“ฮือ..จะร้องแล้วนะ”
จีวอนขมวดคิ้วเเล้วเเยกเขี้ยวเป็นเชิงบอกให้ฮันบินเงียบ ถึงเเม้ว่าความจริงจะมีเเค่เขาคนเดียวที่มองเห็นก็เถอะ หน้าเเดงก่ำของคนตัวบางทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมา ยอมรับว่าก่อนหน้านี้เขาเองก็เขินไม่น้อยที่มองเห็นร่างกายของคนตัวขาวเเต่ว่าตอนนี้อารมณ์อยากแกล้งมันมีมากกว่าน่ะสิ
“ยายอยากอาบน้ำให้น้อง ไหนๆจีวอนก็มาเเล้วช่วยยายอุ้มน้องไปที่ห้องอาบน้ำหน่อยสิ”
“งื้อออออ คุณยายอ่ะ”
จีวอนยักคิ้วให้ฮันบินหนึ่งครั้งก่อนที่เขาจะช้อนตัวร่างกายของฮันบินขึ้น ตอนเดินสวนกับคนเป็นน้องเขาเเกล้งก้มลงใช้ปลายจมูกเฉี่ยวใบหูเล็กจนฮันบินต้องเอามือมาปิดหน้าอีกครั้ง
“พี่จีวอนใจร้าย!”
“หนึ่งเดือนเเล้วที่พี่มาอยู่นี่ เร็วเนอะ”
“อื้อ เร็วมากเลย เเละเวลาของผมก็น้อยลงทุกที...”ประโยคหลังเสียงแผ่วจนจีวอนต้องหันใบหน้ากลับมามอง ทั้งคู่ตกลงจะมาดูพระอาทิตย์ตกด้วยกันที่โขดหินใหญ่บริเวณเเม่น้ำสายเล็กๆซึ่งไหลผ่านหมู่บ้าน แสงแดดสีส้มรับกับลมเย็นๆหลังสายฝนที่เพิ่งเทลงมาทำให้ทั้งคู่รู้สึกดี
จีวอนมองมือเล็กที่วางลงบนโขดหิน มันเป็นเรื่องตลกที่เขาอยากจะสัมผัสใครสักคนอย่าไม่มีเหตุผลเเต่พอขยับมือใหญ่กลับกำเเน่นอย่างยับยั้งชั่งใจ เพราะเขากลัวเหลือเกิน…
กลัวว่าถ้าสัมผัสแล้วคนตรงหน้าจะหายไป..
เขาไม่อยากให้ฮันบินหายไป…
“ทำไมฮันบินไม่คิดว่าเวลาของตัวเองจะเพิ่มมากขึ้นบ้างล่ะ”
คนฟังชะงักไปก่อนที่จะหันหน้าเอียงคอมองด้วยความงุนงงซึ่งจีวอนหัวเราะออกมานิดหน่อยเมื่อเห็นท่าทางน่ารักนั่น
“ถ้าพี่อยากจะฟัดเราพี่ต้องกลับไปบ้านยายใช่มั้ย”
“บ้า..ฟัดอะไร”ฮันบินเม้มปากเขินก่อนนจะหันหน้าหนีเเก้มทั้งสองแดงก่ำจนจีวอนนึกอยากจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มอีกฝ่าย
“สัญญาอะไรกันก่อนได้ไหม”เสียงทุ้มเอ่ย ก่อนที่เขาจะยกนิ้วก้อยขึ้นมา
“ก่อนกลับไปเรียนพี่จะบอกความรู้สึกกับเรา อย่าหายไปได้ไหม อยู่ด้วยกันก่อนได้ไหม?”ฮันบินยิ้มออกมาก่อนจะยกนิ้วก้อยของตนเองขึ้นเพื่อสัญญากับอีกฝ่าย ทั้งสองมองตากันอย่างลึกซึ่งเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กันและกัน
“ผมจะไม่หายไปไหนครับ”
ท่ามกลางฝนที่เริ่มตกลงมารถตามท้องถนนยังคงคับคั่งจนน่าโมโห อาจเป็นเพราะวันนี้มีงานประจำปีทำให้มีผู้คนออกมาเที่ยวกันเยอะพอสมควร ฝนห่าใหญ่ที่ตกลงมาเยอะขึ้นเรื่อยๆส่งผลให้เสื้อผ้าของเด็กทั้งคู่เริ่มเปียก
จีวอนหันมองคนด้านข้างที่มองเขาเเล้วส่งยิ้มหวานให้ ชายหนุ่มส่งยิ้มกลับไปก่อนจะตัดสินใจก้าวเท้าลงจากฟุตบาท เเต่ด้วยความที่ฝนตกทำให้เด็กหนุ่มไม่สังเกตรถบรรทุกคันใหญ่ซึ่งเเล่นมาด้วยความเร็ว
“พี่ครับ ระวัง!”เสียงฮันบินดังลั่นพร้อมกับเเรงกอดที่เอวหนาเเล้วเหวี่ยงร่างเขาจนล้มไปกลางถนนพ้นรถบรรทุกคันดังกล่าวอย่างหวุดหวิด จีวอนนั่งหายใจหอบอยู่สักพักด้วยความตกใจจากอุบัติเหตุเมื่อครู่ที่ทำให้เกือบตายก่อนที่เขาจะเบิกตากว้างขึ้นเเล้วมองไปยังคนตัวเล็กซึ่งนั่งช๊อคอยู่ด้านข้าง
ฮันบินมองมือทั้งสองของตัวเองก่อนที่จะเงยมามองจีวอน ร่างบางสั่นเทาก่อนที่เขาจะร้องไห้ออกมา
“ดีนะครับ...ฮึก ที่พี่ปลอดภัย”เสียงของเด็กหนุ่มสั่นเครือจนเกินจะห้าม จีวอนตัดสินใจคว้าข้อมือเล็กให้ลุกขึ้นเเล้ววิ่งกลับไปทางเดิม
“สองชั่วโมงใช่ไหม?”
“ครับ?”
“งั้นเรามาอยู่ด้วยกันให้ถึงที่สุดเถอะ!”
เด็กทั้งสองกลับมายืนที่เเม่น้ำอีกครั้ง ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่องเเต่ว่าหัวใจของฮันบินกลับอบอุ่นเหลือเกินเมื่อมือหนาของคนด้านข้างยังคงกระชับมือเล็กของเขาเอาไว้
“อย่าร้องไห้สิ เรามาอยู่ด้วยกันให้มีความสุขเถอะ”จีวอนยกมือหนึ่งขึ้นมาปาดน้ำตาให้กับคนเด็กกว่า ซึ่งคนตัวเล็กก็พยักหน้าให้ ทั้งคู่นั่งพิงกันอยู่เช่นนั้นโดยไม่มีใครพูดอะไรอีก
ทอดมองฝั่งตรงข้ามที่มีแสงไฟของงานประเพณีประจำปี เสียงดนตรีรื่นเริงทำให้ความอึดอัดเเละความหวาดกลัวที่มีอยู่เจือจางลงไปได้บ้าง
‘ปัง!’
กระทั่งพลุถูกจุดขึ้นไปบนท้องฟ้าหลังฝน แสงสีที่เกิดขึ้นเป็นระยะมันสวยงามจับใจจนทั้งคู่ระบายยิ้มออกมา รวมถึงดึงสติจีวอนกลับมาด้วยว่าเขาเองควรจะทำบางอย่างมากว่าที่เป็น
เด็กหนุ่มดันไหล่เล็กของคนที่พิงตัวเองอยู่ก่อนจะมองใบหน้าน่ารักของฮันบินที่ยังคงมีน้ำตาไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง ถ้าเขาไม่ได้มองเช่นนี้ก็ไม่รู้เลยว่าอีกคนกำลังร้องไห้อยู่
เด็กหนุ่มดันไหล่เล็กของคนที่พิงตัวเองอยู่ก่อนจะมองใบหน้าน่ารักของฮันบินที่ยังคงมีน้ำตาไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง ถ้าเขาไม่ได้มองเช่นนี้ก็ไม่รู้เลยว่าอีกคนกำลังร้องไห้อยู่
“อย่าร้องนะครับ”
“ผมกำลังจะหายไป ฮึก...ผมรักษาสัญญาไม่ได้”
ชายหนุ่มพยายามกลั้นก้อนสะอื้นของตัวเองลงคอเพราะไม่อยากให้น้องขวัญเสียมากกว่าที่เป็น
ตอนนี้ตัวเขาเองก็เสียใจจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกเช่นกัน สาบานได้ว่าตั้งเเต่เกิดมาสิบแปดปีก็ไม่เคยมีความรู้สึกสูญเสียเช่นนี้มาก่อน เขาไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความรักมากมายนัก เเต่ก็พอจะทราบว่าความรู้สึกหวาดกลัวที่มีเพียงเพราะอีกฝ่ายจะหายไปในตอนนี้คืออะไร
“พี่รักฮันบิน”
“ฮึก...”
“รักมาก จนพี่ไม่อยากปล่อยให้เราหายไป”ในที่สุดจีวอนก็น้ำตาไหลออกมา มือเล็กเอื้อมขึ้นไปเช็ดให้คนเป็นพี่โดยที่เขาเองก็ร้องสะอึกสะอื้นไม่ต่างกัน
มันทั้งเสียใจเเละหวาดกลัว เเต่อีกใจหนึ่งเขาก็ดีใจที่ปกป้องจีวอนเอาไว้ได้....
“แหวนนี่ ฮันบินใส่ไว้นะ พี่อยากให้ฮันบิน”เด็กหนุ่มถอดเเหวนเงินของผู้เป็นเเม่ที่ได้มาจากพ่อในวันเเต่งงานสวมให้คนตัวเล็กใส่เอาไว้ ฮันบินพยักหน้ารับก่อนที่ดวงตาคมจะปิดลงเมื่อจีวอนเลื่อนใบหน้ามาหา ความอุ่นที่เเตะริมฝีปากทำให้คนตัวเล็กน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง
พลุจากงานหมดลงไปแล้วเหลือเพียงเเต่ความสว่างจากพระจันทร์เต็มดวงที่กระทบบนผิวน้ำ
ก่อนที่ร่างเล็กจะค่อยๆเลือนลางทอเเสงประกายจากปลายนิ้วมือไล่ขึ้นเรื่อยๆ
“ผมรักพี่...”
จีวอนได้ยินเสียงเลือนลางที่พูดกลับมาเพียงเท่านั้นก่อนที่คนในอ้อมกอดเขาจะหายไป
‘กริ้ง....’
เสียงวัตถุบางอย่างตกลงบนหินที่เขาทั้งสองคนนั่งอยู่ เเส่งจากพระจันทร์ที่สะท้อนทำให้จีวอนรู้ว่ามันคือเเหวน...
เด็กหนุ่มที่นั่งคุกเข่าอยู่ทุรดลงไปซบหน้าลงกับพื้นหินอย่างหมดเเรง เม็ดฝนที่ตกลงมาอีกครั้งราวกับจะช่วยปลอบประโลมเด็กหนุ่มที่เสียใจกับสิ่งที่เกิดมากอย่างที่ไม่เคยเป็นเเต่ว่าสุดท้ายเเล้วเขาก็ทำได้เพียงร้องไห้อย่างเดียวดาย....
เด็กหนุ่มที่นั่งคุกเข่าอยู่ทุรดลงไปซบหน้าลงกับพื้นหินอย่างหมดเเรง เม็ดฝนที่ตกลงมาอีกครั้งราวกับจะช่วยปลอบประโลมเด็กหนุ่มที่เสียใจกับสิ่งที่เกิดมากอย่างที่ไม่เคยเป็นเเต่ว่าสุดท้ายเเล้วเขาก็ทำได้เพียงร้องไห้อย่างเดียวดาย....
ตึก..ตึก…
ร่างสูงของจีวอนเดินเข้ามาในรั้วบ้านของคุณยายจีซูอย่างหมดเเรง
เขาร้องไห้อยู่ข้างเเม่น้ำนั้นจนเช้าเเละตัดสินใจว่าจะมาเห็นหน้าฮันบินครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะไปบอกเเม่ว่าขอกลับไปในเมืองก่อนกำหนดเมื่อเขาไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไปแล้ว
“ตายเเล้วจีวอน ทำไมสภาพแบบนั้น เขามาในบ้านก่อนลูก”
เด็กหนุ่มเข้ามาทิ้งตัวนั่งลงแล้วมองไปข้างหน้าบ้านอย่างเลื่อนลอย ชายหนุ่มใช้หลังมือปาดน้ำตาที่มันไหลลงมาอีกครั้งยามที่นึกถึงใบหน้าน่ารักของใครอีกคน
“นั่งอยู่นี่ก่อน เดี๋ยวยายมา”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะหันหน้าไปมองยังหน้าต่างซึ่งลมฝนเริ่มมาอีกครั้งจนเขานึกรำคาญ
เด็กหนุ่มรออยู่เช่นนั้นสักพักจนกระทั่งได้ยินเสียงคนเดินมาด้านหลัง ก่อนที่สัมผัสจากอ้อมเเขนเล็กของใครบางดคนจะโอบรอบคอเขาจากด้านหลัง...
มือหนายกขึ้นมาจับแขนขาวเอาไว้พร้อมกับก้มหน้าร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจเมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงคุ้ยเคยซึ่งกระซิบแผ่วเบาที่ดังข้างใบหู
“ขอบคุณที่รักผมนะครับ”
“อึก..”
“ผมจะไม่หายไปไหนอีกแล้ว”
-THE END-
#osเฮียสอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น